วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

กลยุทธ์การตั้งราคา (Price Strategy) เพื่อเพิ่มยอดขาย

ในบรรดากลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix)

ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (Price) ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) และการส่งเสริมทางการตลาด (Promotion) ที่ ผู้ประกอบการบางแห่งนำมาใช้ในการวางแผนการตลาดนั้น ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ด้านราคาดูจะเป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กให้ ความสำคัญน้อยมาก
ใน การนำการตั้งราคาเชิงกลยุทธ์มาใช้ทั้ง ๆ ที่ราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าใช้พิจารณาในการตัดสินใจซื้อสินค้าไม่น้อย ไปกว่าตัวสินค้า จึงลองรวบรวมแนวทางการกำหนดราคาเชิงกลยุทธ์มาไว้ เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กลองนำไปปรับใช้ดู ในการกระตุ้นยอดขายและเรียกร้องความสนใจกับลูกค้า มาลองดูกันว่ากลยุทธ์ราคาที่เขาใช้กันมีอะไรบ้าง

กลยุทธ์แนวระดับราคา (Price Lining) คือ การที่ผู้ผลิตหรือร้านค้ากำหนดระดับราคาของสินค้าประเภทเดียวกันแต่ต่างแบบ ต่างรุ่นหรือมีระดับคุณภาพแตกต่างกันไป เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกสินค้าในระดับราคาที่เขาพอใจ กลยุทธ์ราคาลักษณะนี้ สอดคล้องกับแนวคิดที่เชื่อว่าลูกค้าแต่ละราย มีความต้องการแตกต่างกัน บางคนอาจยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อให้ได้สินค้าที่ดูดีมีระดับกว่าคนอื่น ขณะที่ลูกค้าบางกลุ่ม ต้องการสินค้าราคาประหยัด ไม่ต้องการลูกเล่นมากนัก การตั้งราคาแบบแนวระดับราคา จึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้ดีกว่าการการผลิต และกำหนดราคาสินค้าในราคาเดียวกัน
ตัวอย่าง ที่เห็นได้คือผู้ผลิตและผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือเกือบทุกยี่ห้อเวลาออกรุ่น ใหม่ ๆ มักจะออกผลิตภัณฑ์เป็นชุดที่มีหลากรุ่น และมีราคาต่างกันตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งก็เป็นการใช้กลยุทธ์ราคาดังกล่าวนั่นเอง

กลยุทธ์ราคาล่อใจ (Loss Leader Pricing) เป็น กลยุทธ์ราคาอีกลักษณะหนึ่งที่เรามักเห็นกันบ่อยในซุปเปอร์มาร์เก็ต คือการที่ร้านค้ายอมตั้งราคาสินค้าบางตัวต่ำกว่าราคาทั่วไปตามท้องตลาดมาก ๆ หรือหลาย ๆ ครั้งยอมตั้งราคาต่ำกว่าทุนที่ซื้อมาเสียอีก และโฆษณาราคาของสินค้ากลุ่มนี้ออกไปว่าเป็นราคาพิเศษประจำสัปดาห์ของร้าน เช่น ไข่ไก่ฟองละ 1 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 35 บาท น้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 9 บาท เป็นต้น
การ ตั้งราคาในลักษณะนี้ มักทำกับสินค้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่รู้ราคาตลาดเป็นอย่างดี และเป็นสินค้าที่ลูกค้าซื้อใช้เป็นประจำ เช่น น้ำอัดลม น้ำปลา เนื้อสัตว์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อดึงดูดหรือล่อใจให้ลูกค้าอยากมาจับจ่ายที่ร้านค้านั้น ๆ เพราะเห็นว่าสินค้ามีราคาถูก โดยร้านค้าถือว่าเมื่อลูกค้ามาซื้อของที่ร้าน ก็มักจะซื้อสินค้าหลาย ๆ อย่างในคราวเดียว
ร้านค้าอาจขาดทุน 1-3 บาทต่อชิ้นสำหรับสินค้า 3-4 รายการที่ตั้งราคาแบบล่อใจไว้ แต่ร้านอาจได้กำไร 5-10 บาทต่อชิ้นสำหรับสินค้าอีกหลายสิบรายการที่ลูกค้าคนนั้น ๆ ซื้อออกไปในคราวเดียวกัน

กลยุทธ์ราคาเลขคี่ (Odd Pricing) เป็นกลยุทธ์การตั้งราคาในเชิงจิตวิทยา โดยผู้ผลิตหรือร้านค้าจะตั้งราคาสินค้าให้ลงท้ายด้วยเลขคี่ ที่นิยมกันมากคือการลงท้ายด้วยเลข 9 เช่น 39 บาท 99 บาท 199 บาท เป็นต้น การตั้งราคาแบบนี้ในทางจิตวิทยาจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ของที่ขายราคาไม่แพง การลงท้ายด้วยเศษดูเหมือนว่าผู้ขายลดราคาให้แล้ว (ลดซักบาทก็ยังดีกว่าไม่ลด)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเศษก่อนที่จะขึ้นหลักต่อไป เช่น 99 บาท แทนที่จะเป็น 100 บาท ยิ่งทำให้ราคาดูต่ำลงมากในความรู้สึกของลูกค้าทั้ง ๆ ที่ส่วนต่างของราคาอยู่เพียงแค่ 1 บาท เท่านั้น แต่กลยุทธ์แบบนี้จะไม่เหมาะสมกับการตั้งราคาที่สินค้าจับกลุ่มผู้บริโภค ระดับสูง หรือสินค้าที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เช่น น้ำหอม เสื้อผ้าราคาแพง เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเกรดของสินค้าดูต่ำลง

กลยุทธ์การตั้งราคาตามฤดูกาล (Seasonal Pricing) เป็น การกำหนดราคาสินค้าให้ต่ำลงกว่าปกติในช่วงเวลาที่มีความต้องการของลูกค้า น้อยหรือกำหนดราคาให้สูงขึ้นในช่วงเวลาลูกค้าคับคั่ง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้นในช่วงนอกฤดูกาล และเพิ่มกำไรของธุรกิจในช่วงที่สินค้ามีความต้องการสูง
ส่วน ใหญ่มักใช้กับสินค้าหรือบริการที่ความต้องการของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงสูง ในแต่ละช่วงเวลา เช่น ร้านอาหารมักมีลูกค้าคับคั่งในช่วง 11.30 - 14.00 น. และในช่วง 18.00 - 21.00 น. ขณะที่ในช่วงบ่ายและดึกมีลูกค้าน้อย แต่ร้านอาหารยังมีค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Cost) ใน ด้านค่าจ้างคนงาน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า จึงทำให้ร้านอาหารหลายแห่งเสนอส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าที่มารับประทานในช่วง เวลาบ่ายหรือค่ำ ขณะที่โรงภาพยนตร์บางแห่งตั้งราคาตั๋วในรอบวันศุกร์เย็น เสาร์ และอาทิตย์สูงกว่าราคาในวันอื่น ๆ ก็เป็นการนำกลยุทธ์การตั้งราคาตามฤดูกาลไปใช้เช่นกัน

กลยุทธ์ราคาแยกตามกลุ่มลูกค้า (Pricing by Type of Customers) เป็น การกำหนดราคาให้ต่างกันสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต่างกันโดยพิจารณาจากกำลังซื้อ ของลูกค้าหรือเพื่อกระตุ้นความต้องการของลูกค้าบางกลุ่มให้สูงขึ้น เช่น บริษัทขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตั้งราคาโปรแกรมแบบเดียวกันที่ขายให้แก่สถาบันการศึกษาต่ำกว่าที่ขายให้ภาค ธุรกิจเอกชน
ร้าน อาหารบางแห่งหรือร้านถ่ายเอกสารที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณโรงเรียนหรือ มหาวิทยาลัย ให้ราคาที่มีส่วนลดพิเศษสำหรับนักเรียนและนักศึกษาเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มนี้ มาใช้บริการมากขึ้นหรือการที่ผับบางแห่งตั้งราคาค่าเข้าไปใช้บริการสำหรับ ลูกค้าชายสูงกว่าลูกค้าหญิง (บางแห่งให้ผู้หญิงเข้าฟรี จัดวันพิเศษ เช่น ทุกวันศุกร์เป็น Lady Night ผู้หญิงเข้าฟรี) เพราะเชื่อว่าถ้าลูกค้าสาว ๆ มาที่ร้านมาก ๆ จะช่วยดึงดูดลูกค้าชายมาที่ร้านมากขึ้น ชดเชยรายได้ที่ลดราคาลงไปได้

กลยุทธ์ราคาชุด (Product Set Pricing) เป็นการนำเอาสินค้าแบบเดียวกันหรือต่างชนิดกันมากกว่า 1 ชิ้น มารวมขายเป็นชุด โดยตั้งราคารวมของชุดให้ต่ำกว่าราคาปกติของสินค้าแต่ละชิ้นที่นำมารวมกัน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าในปริมาณที่มากขึ้น เช่น ราคา S&P อาจจัดชุดอาหารกลางวันที่ประกอบด้วยอาหารจานเดียวพร้อมเครื่องดื่มและของหวานในราคาชุดละ 85 บาท ซึ่งถ้าสั่งแยกอาจต้องจ่ายกว่า 100 บาท หรือชุดทำสังฆทานที่เราซื้อจากห้างเทสโก้ โลตัส KFC หรือร้าน Fast Food นิยมใช้กัน
จะ เห็นได้ว่ากลยุทธ์ราคาเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะช่วยทั้งเพิ่มยอดขาย สกัดคู่แข่ง เพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า หรือแม้กระทั่งช่วยเรียกลูกค้าให้เข้ามาที่ร้าน แต่ต้องไม่ลืมว่า การเล่นกับกลยุทธ์ด้านราคา แม้จะได้ผลเร็วและแรงแต่ก็มักจะได้รับการโต้กลับจากคู่แข่งเร็วและแรงเช่น กัน หากต่างฝ่ายต่างแข่งขันกันในด้านราคา จนสร้างสงครามด้านราคา ละเลยการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพในตัวสินค้า ในระยะยาวแล้วจะเป็นผลเสียทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการต้องเลือกหยิบมาใช้ให้เหมาะสมกับเวลาและสถานการณ์ด้วย

รูปตัวอย่าง





ที่มาของข้อมูล http://www.siaminfobiz.com/mambo/content/view/2853/37/

41 ความคิดเห็น:

  1. เพลง แนว ๆๆๆ เนื้อหาดีจ้า

    ตอบลบ
  2. อย่ามาสกาได้ไหมคะ

    สวยคะสวย

    ตอบลบ
  3. ตัวเล้กไปหน่อยน่ะจ๊ะ

    แต่เนื้อหาก็เยอะดี

    ตอบลบ
  4. เข้ามาแล้วรู้สึกหนาวๆ

    ตอบลบ
  5. เนื้อหาดีจ้าา

    บีจีสวยดีน๊จ๊ :))

    ตอบลบ
  6. เพลงเพราะนะเพื่อนนนนน

    เนื้อหดี๊ ดีๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  7. เนื้อหาจะเยอะไปไหนอะ

    เพลงฟังแล้งเพลินดีจัง

    ตอบลบ
  8. สวยดีนะ เนื้อหาน่าสนใจดี

    ตอบลบ
  9. โอ้ เพื่อนกรู อลังการงานสร้างจิงๆ

    ตอบลบ
  10. เนื้อหาแน่นมาก!!

    เพลงมันด้วย.... สกากันปายยย อิอิ

    ตอบลบ
  11. ดีๆๆทุกอย่างทั้งเนื้อหาและรูปภาพประกอบ

    ตอบลบ
  12. เนื้อหาดีนะ..ละเอียดดี

    อ่านง่ายด้วย..

    แถมมีเพลงอีก..น่าสนใจดี

    ^^

    ตอบลบ
  13. เนื้อหาน่าสนใจค่ะ ^^

    ตอบลบ
  14. พร้อมด้วยความงาม^^

    ตอบลบ
  15. เนื้อหาดี

    เยอะ

    สวยใช้ด้ายคร้า

    ตอบลบ
  16. เนื้อ หา อ่าน แล้ว ดี มี ประโยชน์

    เรี ยบ ง่าย แต่ ดู ดี จ๊ะ ^^

    ตอบลบ
  17. เนื้อหาน่าสนใจ

    เรียบง่ายสวยดี^^

    ตอบลบ
  18. สวดดดยอด เหนเเล้วอยากกินเลย

    ตอบลบ
  19. เนื้อหาเยอะดี น่าอ่านมาก

    ตอบลบ
  20. เนื้อหาน่าสนใจ

    สีสันดูดีลงตัว

    อ่านแล้วสบายตา

    ตอบลบ
  21. เนื้อหาดี

    อ่านแล้วเข้าใจง่าย

    ตอบลบ
  22. ดีคับ ทั้งรูปและเนื้อหา

    ตอบลบ
  23. เนื้อหาดี สีสันดูเรียบง่ายสบายตาดีค่ะ

    ตอบลบ
  24. เนื้อ หา อ่าน แล้ว ดี มี ประโยชน์

    ตอบลบ
  25. แสดงว่า ราคาแต่หละฤดูก็แตกต่างกันออกไปเยอะเลยนะเนี่ยอ่า

    ได้เข้าใจมากขึ้น


    (เพลงจะสกาไปไหนเนี่ย) ^^

    ตอบลบ
  26. เป็นการเลือกข้อมูลที่มีประโยชน์มาก เป็นเนื้อหาที่ดี

    ตอบลบ
  27. เยอะแยะไปหมดอ่ะ
    เนื้อหาอ่ะ
    อ่านแล้วเข้าใจ

    ตอบลบ
  28. เนื้อหาเยอะแต่ตัวหนังสือเล็กไปนิด
    อ่านไม่ค่อยสะดวกเลยจร้า
    แต่รวมๆ ก็โอเคค่ะ :)

    ตอบลบ
  29. เพลงเพราะอ่า ชอบๆๆๆ

    ตอบลบ
  30. เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก

    ตอบลบ
  31. เนื้อหาดีมากเลยครับ

    ตอบลบ
  32. เนื้อหาเเน่นดีนะ

    ตอบลบ
  33. เนื้อหากระชับ

    มีประโยชน์

    ตกแต่งเรียบง่ายมากคะ(51152793095)

    ตอบลบ
  34. ไม่ระบุชื่อ18 กันยายน 2553 เวลา 10:43

    แบบว่าska แบบ Hotel California
    เนี่ย.............นะ
    เหมือนBlogเลยชื่อเรื่องน่าสนใจ
    แต่นำเสนอได้น่าเบื่อ........
    ควรใช้แบบและขนาดตัวอักษร
    ให้น่าสนใจมากว่านี้

    ตอบลบ